วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แผนที่บ้านของฉัน


การพัฒนาเว็บไซต์


ค้นหา Program ที่เกี่ยวข้อง
1.การพัฒนาเว็บไซต์

1.1 Coffee Cup Free HTML Editor    coffeecup.com
1.2 Notepad++   notepad-plus-plus.org

1.3 PageBreeze    pagebreeze.com



1.4 Firebug  getfirebug.com



1.5 Bluefish Editor  bluefish.openoffice.nl



1.6 Brackets   brackets.io 


1.7 KompoZer  kompozer.net



1.8 OpenBEXI  openbexi.com

  

1.9 GIMP  gimp.org



1.10 BlueGriffon   bluegriffon.org



 1.11 Dreamweaver   CS6  http://www.mysmileeasy.com/



1.12 PHP Creator http://software.thaiware.com/7208-PHP-Creator-Download.html


                  
1.13 JAVA http://www.thaicreate.com/java.html


               

1.14   Joomla   http://software.thaiware.com/10928-Joomla-Download.html
1.15   Aptana   http://software.thaiware.com/7154-Aptana-Download.html




2.การสร้าง/แก้ไขงาน Graphie

2.1 photoshop     http://thaigraph.blogspot.com



2.2 Adobe Flash  http://www.apivat.com


2.3 Adobe Illustrator  http://www.vdoschool.com


2.4 Adobe InDesign  http://www.arit.rmutp.ac.th
    
2.5 Sweet Home 3D   http://www.sweethome3d.com/


2.6 GoogleSketchUpWEN  https://kitty.in.th


3. การใช้งาน Office
3.1.   Microsoft Office 2016  https://www.asus.com

                
3.2    LibreOffice   http://www.slideshare.net



                               
3.3    WPS Office 2016  http://software.thaiware.com


  
                 
3.4    OpenOffice  http://software.thaiware.com
                                          
3.5    OfficeReports   http://software.thaiware.com
      
                                                          
4. BrowserBrowser

1.Baidu Browser   http://oweera.blogspot.com



             
2.Google Chrome    http://www.techmoblog.com


             
3.Mozilla Firefox Thai Edition   http://software.thaiware.com


            
4.Internet Explorer 11  http://webmonster.sapaan.net



5.Torch Browser  http://software.thaiware.com/558-Torch-Browser.html

6.Opera   https://support.hostatom.com


7.Maxthon Browser   http://software.thaiware.com/5418-Maxthon-Browser.html

8.Avant Browser  http://software.thaiware.com/6919-Avant-Browser.html
9.Mozilla Firefox Aurora


วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 12

สรุปท้ายบทที่ 12
แน้วโน้มในหลายองค์กร จำเป็นต้องลงทุนด้านความปลอดภัยที่มากขึ้น โดยฉพาะองค์กรที่มีการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศเข้ากับเครือข่ายภายนอกอย่างอินเทอร์เน็ต
ดาวน์ไทม์ คือช่วงเวลาที่ระบบหยุดทำงาน โดยผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานระบบสารสนเทศ และไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลระบบได้ จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ระบบกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นความเสี่ยงนระบบสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องกับไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุ ฟ้าแลบ และฟ้าผ่า ซึ่งส่งผลต่อความเสียหายในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์
การถูกก่อกวนและทำลายโดยคนป่าเถื่อน เป็นการถูกทำลายด้วยความจงใจโดยน้ำมือมนุษย์ด้วยมุ่งทำลายอุปกรณ์ให้เกิดความเสียหาย
Identitu Theft เป็นการสวมรอยเป็นตัวคุณ ด้วยการขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสประจำตัวผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้อื่น ไปกำเนินธุรกิจทางการเงิน หรือเรื่องอื่น ๆ ที่ส่อทุจริตและเสื่อมเสีย
Social Engineering เป็นการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยการใช้กลวิธีโทรศัพท์หาเหยื่อ แล้วอ้างตัวเองว่ามาจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ จากนั้นก็หลอกเหยื่อให้ตายใจและหลงผิดปฎิบัติตาม ด้วยการให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่าง โดยเฉพาะทางการเงิน
Phishing เป็นการหลอกเหยือให้คลิกเข้าไปยังเว็ปไซค์ของตน ซึ่งเป็นเว็ปปลอม หากเหยื่อหลงกลด้วยการลงทะเบียนและกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป โดยเฉพาะข้อมูลทางการเงินผ่านเว็ปไซค์ปลอมแห่งนี้ ข้อมูลสำคัญของท่านจะถูกลักลอบไปใช้ในทางที่ผิด
Web Defacement เป็นการเจาะระบบด้วยการเปลี่ยนโฉมหน้าเว็ปให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม
ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก ที่สามารถแฝงเข้าไปกับไฟล์ข้อมูล ครั้นเมื่อไวรัสคอมพิวเตอร์ตอดเข้าไปในเครี่องแล้ว จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ๆ เกิดปัญหาต่าง ๆ นานา จาการใช้งาสน
เวิร์ม หรือ หนอนไวรัส มักสร้างความเสียหายให้กับระบบเครือข่ายเป็นสำคัญ โดยมีความสามารถในการคัดลอกตัวเองเพื่อขยายพันธุ์และชอนไชไปยังคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตจทำให้เครือข่ายเต็มไปด้วยหนอนไวรัส ส่งผลต่อการจราจรบนเครือข่ายติดขัด และทำให้เครือข่ายล้มในที่สุด
ม้าโทรจัน จัดเป็นจัดเป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ลักลอบเข้ามาด้วยการซ่อนมากลับแฟ้มข้อมูล อีเมล เกม หรือการ์ดอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลักลอบเข้ามาเป็นสายลับ และทำการแอบส่งข้อมูลเป็นความลับในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานส่งกลับไปยังโฮส์ตของผู้สร้าง
ลอจิกบอมบ์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายล้างระบบคอมพิวเตอร์ โดยชุดคำสั่งในลอจิกบอมบ์ ผู้เขียนจะมีการสร้างเงื่อนไขเอาไว้เพื่อปฏิบัติการบางอย่าง และหาสถานการณ์ในวันนั้นตรงกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในชุดคำสั่ง ชุดคำสั่งในลอจิกบอมบ์ก็ถูกกระตุ้นให้ทำงานโดยทันที เช่น การฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์
ขั้นตอนการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย
1. ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและสั้งให้ทำงานอยู่เสมอ
2. อัพเดทซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอย่างสม่ำเสมอ
3. สแกนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกทุกครั้ง ก่อนคัดลอกหรือสั่งรันโปรแกรม
4. เลือกติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น
5. ติดตามไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาอย่างระมัดระวัง
6. หากตรวจพบไวรัส จะต้องจัดการโดยทันที
การโจมตีเพื่อปฏิเสธการให้บริการ เป็นการโจมตีเพื่อให้คอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายหยุดตอบสนอง
บริการใด ๆ จนกระทั่งระบบอยูในสภาวะที่ไม่สามารถบริการทรัพยากรใด ๆ ได้อีก
การถูกโจรกรรมโดย Hijack เกิดจากบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งหรือแฮกเกอร์ได้ลักลอบแอบไปติดตั้งโปรแกรมขนาดเล็กที่เรียกว่าบอท ลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อทำหน้าที่แทนมนุษย์เพื่อจัดการบางอย่าง เช่น การส่งเมลขยะ
มาตรการควบคุม ประกอบด้วย
1. ความสมารถในการป้องกันข้อผิดพลาดของโปรแกรม และการควบคุมการป้อนข้อมูล
2. การสำรองข้อมูล
3. การควบคุ้มการเข้าถึง
4. ความเป็นหนึ่งเดียวในทรานแซกชั่น
5. การตรวจสอบประวัติการทำงาน
มาตรการความปลอดภัย ประกอบด้วย
1. ไฟล์วอล
2. การพิสูจน์ตัวตนและการเข้ารหัส
3. ลายเซ็นดิจิตอล
4. ใบรับรองดิจิตอล
มาตรการกู้คืน มุ่งเน้นการจัดระบบสำรองที่จะทำร่วมกับระบบหลัก หากระบบหลักเกิดข้อขัดข้อง ระบบสำรอง
ก็จะถูกปลุกขึ้นมาให้ทำงานแบบอัตโนมัติ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันความล้มเหลวเท่าทีจะสามารถทำได้ แต่การดำเนินงาดังกล่าวต้องมีการสำรองทรัพยากรไว้อย่างน้อย 2 ชุด

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 11

สรุปท้ายบทที่ 11

การวางแผน ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่นำพาให้องค์ไปสู่เป้าหมายด้วยวิธีการอย่างมีแบบแผนมีทิศทางกระบวนการทำงาน
การกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพันธกิจเป้าหมาย กลยุทธ์ และนโยบายขององค์กร
การวางแผ่นยุทธวิธี เกี่ยวข้องกับการตั้งวัตถุประสงค์และการพัฒนาขั้นตอนวิธี กฎ ตารางการปฏิบัติงาน
การวางแผนปฏิบัติการ จะดำเนินการแบบระยะสั้น ที่นำไปใช้เพื่อการควบคุมการปฏิบัติงานแบบวันต่อวัน ตัวอย่างเช่น การว่างแผนโครงการ และการจัดตารางการผลิต เป็นต้น
การวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจและไอที มักนิยมใช้ แมทริกซ์โอกาสทางกลยุทธ์ ที่ช่วยประเมิลศักยภาพของกลยุทธ์ทางธุรกิจและโอกาสทางไอที ทำนองเดียวกันกับการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่น่าจะเป็นไปได้
การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์ถึงผลกระทบในแต่ละความเป็นไปได้ของโอกาสทางกลยุทธ์ที่สามารถมีในองค์กร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยที่
จุดแข็ง คือความสามารถหลักขององค์กรที่ทำได้ดีเหนือคู่แข่งขัน
จุดอ่อน คือการปฏิบัติงานทางธุรกิจในบางส่วนที่ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน
โอกาส คือศักยภาพสำหรับตลาดธุรกิจใหม่ ที่นำมาใช้เพื่อขยายตลาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อุปสรรค คือศักยภาพของคู่แข่งขันที่ส่งผลต่อความสูญเสียทางการตลาดในธุรกิจของเรา
แบบจำลองธุรกิจ คือกรอบแนวความคิดที่แสดงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ และตรรกะทางเศรษฐศาสตร์ที่มีเหตุมีผลต่อการดำเนินงาน ว่าจะให้ธุรกิจสามารถส่งมอบคุณค่าไปสู่ลูกค้า ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมและธุรกิจสามารถทำเงินได้อย่างไร โดยจะต้องตอบคำถามพื้นฐานเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งประกอบด้วย
ใครคือลูกค้าเรา ?
จะมอบคุณค่าอะไรแก่ลูกค้าของเรา
ต้องใช้ต้นทุนเท่าไรกับการส่งมองคุณค่าไปยังลูกค้าของเรา
เราจะทำเงินในธุรกิจนี้ได้อย่างไร ?
เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถช่วยส่งเสริมให้เกิดการเปลื่ยนแปลงในองค์กรได้หลายระดับด้วยกันตั้งแต่การเปลื่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย และค่อย ๆ เข้มข้นขึ้น จนกระทั่งเกิดการเปลื่ยนแปลงอย่างมาก
ระดับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร ประกอบด้วย 4 ระดับกันคือ
1. ระบบงานแบบอัตโนมัติ
2. การเปลื่ยนแปลงกระบวนการทำงาน
3. การปรับรื้อระบบใหม่
4. การปรับเปลื่ยนกระบวนทัศน์สู่องค์กรที่มีความเป็นเลิศ
ขั้นตอนการวางแผนระบบสารสนเทศ ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
การสร้างพันธกิจระดับองค์กรและพันธกิจทางไอทีขึ้นมา
กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนต่อการนำไอทีมาใช้กับองค์กร
สร้างกลยุทธ์ทางไอทีและแผนยุทธวิธีขึ้นมา
วางแผนการปฏิบัติงานเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตามพันธกิจและวิสัยทัศน์
กำหนดงบประมาณเพื่อมั่นใจได้ว่าสามารถจัดหาทรัพยากรเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตามพันธกิจและวิสัยทัศน์
พันธกิจ หรือ ภารกิจ เป็นจุดมุ่งหมายพื้นฐานที่แสดงถึงเหตุผลว่า ทำไมองค์กรจึงถือกำเนิดมา เป็นหลักการที่นำมาใช้เพื่อแนวทางในการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และกลยุทธ์ และถือเป็นกรอบการทำงานของกลยุทธ์ในภาพรวมทั้งหมด เพื่อนำไปสู่กลยุทธ์ระดับหน้าที่ที่จะต้องทำ ไม่ทำไม่ได้
วิสัยทัศน์ จะบอกให้รู้ถึงสิ่งที่องค์กรอยากจะเป็น หรือต้องการจะเป็นในอนาคต เพื่อให้รู้ทิศทางขององค์กรที่จะเดินไปในอนาคต โดยคำประกาศในวิสัยทัศน์ควรเป็นถ้อยคำที่สามารถปลุกเร้าให้สมาชิกในองค์กรมีความมุ่งมั่นที่จะพยายามยกระดับเพื่อไปสู่เป้าหมายในอนาคต
พันธกิจทางไอที ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของพันธกิจในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีความเข้ากันได้กับพันธกิจในภาพใหญ่
วิสัยทัศน์ไอที เป็นการรวมตัวกันของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเครือข่ายอย่างดีเลิส (ในอุดมคติ) เพื่อไปสู่การสนับสนุนพันธกิจในภาพรวม
แผนกลยุทธ์ไอที เป็นเป้าหมายระยะยาวที่ถูกกำหนดขึ้นตามวิสัยทัศน์ไอทีและกลยุทธ์ ซึ่งได้นิยามถึงแนวคิดอนาคตของเทคโนโลยีสารสรเทศอะไรที่ควรจะทำ เพื่อบรรลุผลตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์
แผนยุทธวิธีไอที เป็นแผนระยะสั้นที่กำหนดวิธีการให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ไอที ประกอบด้วยวัตถุประสงค์และแนวทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นคำประกาศเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการจะบรรลุ เป็นคำมั่นสัญญาหรือข้อผูกมัดที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุผลภายในกรอบเวลาที่กำหนด
การวางแผนปฏิบัติการ เป็นรายละเอียดของงานที่มีความเป็นเฉพาะมากขึ้น เพื่อให้โครงการต่าง ๆ สามารถดำเนินงานได้อย่างสัมฤทธิ์ผลตามงบประมาณที่กำหนดไว้
วงจรการพัฒนาระบบ ประกอบด้วย 5 ระยะด้วยกัน คือ
ระยะที่ 1 : การวางแผนโครงการ
ระยะที่ 2 : การวิเคราะห์
ระยะที่ 3 : การออกแบบ
ระยะที่ 4 : การนำไปใช้
ระยะที่ 5 : การบำรุงรักษา
นักวิเคราะห์ระบบ เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ประสานการติดต่อกับบุคคลในระดับต่าง ๆ เพื่อศึกษาถึงปัญหาและความต้องการขององค์กร ด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาทางธุรกิจนักวิเคราะห์ระบบเป็นผู้มีความรู้ระบบธุรกิจ มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และออกแบบระบบงานทางธุรกิจ เพื่อนำไปสู่การได้มาของระบบที่สามารถนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ตรงตามความต้องการของผู้ใช้






บทที่ 10

สรุปท้ายบทที่ 10
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของวิทยาการคอมฯที่ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการเลียบแบบพฤติกรรมมนุษย์ การนำมาใช้กับโปรแกรมเครื่องจักรที่ไม่มีชีวิตให้สามารถคิดเองได้เหมือนมนุษย์
ระบบผู้เชี่ยวชาญ คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบการทำงานของมนุษย์โดยผู้เชี่ยวชาญที่เราปรึกษาแทนที่จะเป็นมนุษย์ก็เป็นคอมพิวเตอร์แทน
หุ่นยนต์ คือเครื่องจักรหรืออุปกรณีคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้สามารถปฏิบัติงานแทนมนุษย์ได้
ระบบวิชั่น เป็นระบบที่นำมาปรับปรุงความสามารถของหุ่นยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยเฉพาะการมองเห็นและการรับรู้ได้เหมือนมนุษย์
การประมวลผลภาษาธรรมชาติ เป็นระบบที่ให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติของมนุษย์
โครงข่ายประสาทเทียม ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถกระทำหรือจำลองหน้าที่การทำงานของเซลล์ประสาทในสมองของมนุษย์อับซับซ้อน โดยระบบสมองในมนุษย์จะมีระบบการเรียนรู้
เจเนติกอัลกอริทึม เป็นกลไกการเลียนแบบการคัดเลือกพันธุกรรมตามธรรมชาติ กรแก้ไขปัญหาของ เจเนติกจะใช้กลุ่มของกฎกระบวนการทางคณิตศาสตร์หรืออัลกอริทึม
ตัวแทนชาญฉลาด โปรแกรมและฐานความรู้ที่ถูกนำมาใช้ปฏิบัติงานเฉพาะกิจแทนคนแบบอัตโนมัติ
CAPTCHA เป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกันผู้ใช้ที่เป็นบอทซึ่งไม่ใช่มนุษย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ภาพที่ประกอบด้วยตัวอักษรหรือตัวเลข ที่แลดูยุ่งเหยิง โดยผู้ใช้จะต้องกรอกข้อความยืนยันความถูกต้องจึงสามารถดำเนินการในขั้นต่อไปได้ ด้วยการใช้สมมติฐานภายใต้แนวคิดที่ว่า มนุษย์มีความสามารถในการแยกแยะวัตถุที่เป็นภาพได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบของระบบผู้เชี่ยวชาญ
1. ฐานความรู้
2. กลไกการอนุมาน
3. การอธิบาย
4. การได้มาของความรู้
5. การอินเตอร์เฟซกับผู้ใช้
ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและใช้งานระบบผู้เชี่ยวชาญ
1. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
2. วิศวกรความรู้
3. ผู้ใช้ที่มีความรู้

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ระบบผู้เชี่ยวชาญ
1. การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์
2. การอนุมัติสินเชื่อและเงินกู้
3. การตรวจจับกลโกง
4. งานซ่อมและบำรุงรักษาอุปกรณ์
5. การตรวจธาตุโลหะต่างๆ
6 .การตลาด
ระบบเสมือนจริง หรือระบบ VR เป็นระบบที่ผู้ใช้สามารถเข้าสู่โลกเสมือนจริงบนสภาพแวดล้อมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น ซึ่งโลกแห่งสามมิติใบนี้สามารถถูกสร้างขึ้นได้อย่างสมบูรณ์โดยคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะมีความรู้สึกว่า ได้เข้าร่วมอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นจริงๆ
Immersion เป็นกระบวนการสร้างความรู้สึกให้แก่บุคคลผู้นั้น เสมือนได้ถูกห้อมล้อมจากสภาพแวดล้อมที่ถูกจำลองขึ้นมา เหมือนกับว่าตนอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ
Interction เป็นการจำลองถึงการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม จากการเคลื่อนไหวผ่านมือหรือนิ้ว โดยผู้ใช้จะรับรู้ความรู้สึกในรูปแบบของภาพสามมิติและการได้ยิน การเคลื่อนไหวตามสภาพแวดล้อมที่ถูกจำลองขึ้นมาแบบเสมือนจริง
การนำระบบ DSS กับระบบ ES ผนวกรวมเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ระบบ DSS มีขีดความสามารถในการใช้งานสูงขึ้น เช่น การนำฐานความรู้จากระบบ ES มาช่วยอธิบายแก่ผู้ตัดสินใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในรายละเอียดของปัญหาได้ดียิ่งขึ้น



บทที่ 9

สรุปท้ายบทที่ 9
ความรู้ คือบทสรุปความเข้าใจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งกว่าจะเกิดมาเป็นความรู้ขึ้นมาได้ จำเป็นต้องได้รับการค้นหา พิสูจน์ความจริ หรือทดลองมาแล้ว
การจัดความรู้ เป็นการนำความรู้ที่กระจัดกระจาย ไม่เป็นระเบียบ มาจัดการอย่างมีระบบ เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถบ่งชี้ คัดเลือก จัดองค์ประกอบ เผยแพร่ และถ่ายโอนสารสนเทศที่สำคัญๆ เพิ่อนำไปสู่เป้าหมายเพื่อพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ต่อไป
คุณสบบัติของความรู้ ประกอบด้วย
1. มีความพิเศษและผลตอบแทนที่เพิ่มพูน
2. แบ่งออกเป็นส่วนได้ รั่วไหลได้ และต้องปรับให้ทันยุคสมัย\
3. อยากต่อการประเมินและตีราคาเป็นมูลค่า
4. มีมูลค่าไม่แน่นอนในเรื่องการแบ่งปัน
5. เกี่ยวพันกับเวลา
ความรู้โดยนัย เป็นความรู้แบบผังลึกที่ซ่อนเร้นอยู่เฉพาะตัวบุคคล มีความซับซ้อน ใม่สามารถนำมาจัดระบบให้มีความชัดเจนแน่นอนได้ เนื่องจากเป็นยภูมิปัญญา มีความเป็นนามธรรมสู.
ความรู้แบบชัดแจ้ง เป็นความรู้ที่มีความเป็นรูปธรรม เป็นวิทยาการที่สามารถถ่ายทอดสดออกมาเป็ฯลายลัษณ์อักษรในรูปแบบของสื่อต่างๆ รูปแบบหนังสือ คู่มือ และสื่อประเภทอื่นๆ ได้
วงจรระบบจัดหาความรู้ ประกอบด้วย
1. การสร้างความรู้
2. การจับใจความสำคัญของความรู้
3. การปรับความรู้
4. การจัดเก็บความรู้
5. การจัดการ
6. การเผยแพร่ความรู้
การจัดการ คือกระบวนการนำทรัพยากรมาใช้เพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมาย โดยการจัดการจะเข้าไปคอยตรวจตราและดูแลกระบวนการเหล่านี้ เพื่อพยายามนำไปสู่สิ่งที่มีประโยชน์อันสูงสุด
หน้าที่หลักของการจัดการ ประกอบด้วย
1. การวางแผน
2. การจัดองค์กร
3. การเป็นผู้นำ
4. การควบคุม
บทบาทของการจัดการ ประกอบด้วย
1. บทบาทระหว่างบุคคล
2. บทบาททางสารสนเทศ
3. บาบาทด้านการตัดสินใจ
ระดับของการจัดการ ประกอบด้วย 3 ระดับด้วยกันคือ
1. การจัดการเชิงกุลยุทธ์
2. การจัดการเชิงยุทธวิธี
3. การจัดการด้านการปฏิบัติงาน
กระบวนการการตัดสินใจ ประกอบด้วย 4 ระยะด้วยกัน คือ Intelligence Design Choice และ Implement
การตัดสินใจแบบมีโครงสร้าง เป็นรูปแบบการตัดสินใจที่ใช้กับงานประจำที่พนักงานต้องทำซ้ำๆในแต่ละวัน ซึ่งถูกกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่แน่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว
การตัดสินใจแบบไม่มีโครงสร้าง เป็นการตัดสินใจที่ไม่สามารถระบุคำตอบให้แน่ชัดลงไปได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เกิดขึ้นเมื่อไร และไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ล่วงหน้า
การตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้าง เป็นการตัดสินใจที่อาจมีทั้งปัญหาแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างปะปนกันไปตามแต่ละสถานการณ์
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ หรือระบบ DSS คือการรวบรวมกลุ่มคน ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล และอุปกรณ์ที่นำมาช่วยใช้สำหรับการตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมีแบบแผน โดยระบบจะมุ่งที่การตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทางธุรกิจทั้งแบบกึ่งโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง

ส่วนประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ประกอบด้วย
1.ฐานข้อมูล
2.ตัวแบบ
3.การอินเตอร์เฟซกับผู้ใช้
4.ผู้ใช้
5.ฐานความรู้
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ สามารถนำมาใช้กับงานวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ดังนี้
1.การวิเคราะห์แบบ what-if
2.การวิเคราะห์ความอ่อนไหว
3.การสิเคราะห์เพื่อค้นหาเป้าหมาย
4.การวิเคราะห์เพื่อหาค่าที่เหมาะสมที่สุด
ซอร์ฟแวร์ที่นำมาใช้งานกับระบบสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม (GDSS) จะเรียกว่า กรุ๊ปแวร์ (Groupware) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้คณะทำงานตามกลุ่มต่างๆ สามารถประชุมออนไลน์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ การจัดตารางการทำงาน และการจัดการร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบธุรกิจอัจฉริยะ คือ กระบวนการที่ผู้บริหารและผู้ใช้สามารถนำมาเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในเชิงแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยการวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ และการค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ที่ซ่อนเร้น แฝงอยู่ในตัวข้อมูล โดยเครื่องมือของระบบ BI มีความสามารถในการขุดคุ้ย เจาะลึกในรายละเอียดของข้อมูล ที่ระบบสารสนเทศพื้นฐานทั่วไปยากที่จะเข้าถึง
คลังข้อมูล คือ แหล่งจัดเก็บข้อมูลขององค์กร ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์และตัดสินใจ โดยสนับสนุนการนำข้อมูลทั้งจากแหล่งภายในและแหล่วงภายนอกมาประมวลผลร่วมกันได้
ระยะของการนำไปสู่คลังข้อมูล จะประกอบด้วย 3 ระยะด้วยกัน
1.การสกัดข้อมูลที่จำเป็น
2.การแปลงรูป
3.การโหลดเข้าไปในคลัง


บทที่ 8

สรุปท้ายบทที่ 8
โซ่อุทาน เป็นคำนิยามถึงกลุ่มความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายปัจจัยการผลิต ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และ ร้านค้าปลีก โดยจำอำนวยความสะดวกตั้งแต่การแปลงรูปแบบวัตถุดิบ จนกระทั่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย
กิจกรรมทางธุรกิจในทุก ๆ ด้านของโซ่อุปทาน จะมีการประสานงานและโต้ตอบกันระหว่างผู้ขาย ปัจจัยการผลิต ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย คลังสินค้า และลูกค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการการไหลของวัตถุดิบ สารสนเทศ เงิน และการบริการต่างๆ จากผู้ขายปัจจัยการผลิต ซึ่งเป็นผู้ป้อนวัตถุดิบผ่านเข้ามายังโรงงานและคลังสินค้า จนกระทั่วถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย ดังนั้นประสิทธิภาพและคุณภาพของสินค้าหรือบริการจะเกิดขึ้นได้นั้น ย่อมเกี่ยวข้องกับทุกๆ หน่วยงานตลอดทั้งสายของหวงโซ่จึงเกิดแนวคิดโซ่อุปทานขึ้นมา ด้วยการบูรณาการทุกๆ หน่วยในสายโซ่เข้าเป็นหนึ่งเดียว
Core Competencies คือการทำธุรกิจที่มุ่งเน้นความสามารถหลักขององค์กร หมายถึง องค์กรจะมุ่งทำธุรกิจที่ตัวเองถนัด ที่ตนสามารถทำได้ดีที่สุด ส่วนสนับสนุนอื่นๆ ที่องค์กรไม่เชี่ยวชาญ หรือคิดว่าทำเองแล้วไม่คุ้ม ก็จะว่าจ้างให้หน่วยงานภายนอกทำแทน
การประหยัดจากขนาด จะมุ่งเน้นผลิตในปริมาณมากๆ เพื่อให้เกิดต้นทุนที่ต่ำลง กำไรสูงขึ้น
การประหยัดจากความเร็ว จะใช้ความเร็วเพื่อช่วยลดต้นทุนได้ ด้วยการผลิตสินค้าเพื่อป้อนให้กับ ลูกค้าได้ทันเวลา สร้างโอกาสในการขาย และทำให้ลูกค้าพึงพอใจ
การประหยัดจากขอบเขต จะใช้ความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้หลากหลายชนิด จากการลงทุนที่น้อย เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่ก็มีสินค้าหลากหลายชนิดให้ลูกค้าเลือกซื้อ และสินค้าที่ ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการ หรือในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ และสามารถนำอะไหล่บางชิ้นมาใช้น่วมกันได้
ผู้มีส่วนร่วมในโซ่อุปทาน ประกอบด้วย ผู้ขายปัจจัยการผลิต ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ลูกค้า และผู้บริหาร
โครงสร้างและส่วนประกอบของโซ่อุปทาน มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนด้วยกัน คคือ ส่วนต้นทาง ส่วนภายใน และส่วนปลายทาง
การสนับสนุนโซ่อุปทานต้นทาง เป็นการนำไอทีมาสนับสนุนระหว่างบริษัทกับคู่ค้าทางธุรกิจ หรือ ผู้ขายปัจจัยการผลิตต่างๆ ด้วยการนำมาใช้เพื่อปรับปรุงกิจกรรมด้านการจัดซื้อจัดหา และการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ขาย เช่น ระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์
การสนับสนุนโซ่อุปทานปลายทาง เป็นการนำไอทีมาสนับสนุนระหว่างบริษัทกับลูกค้า เช่น การเปิด สารสนเทศ และการไหลทางการเงิน
การไหลของโซ่อุปทาน ประกอบด้วย 3 รูปแบบด้วยกัน คือการไหลของวัตถุดิบ การไหลของสารสนเทศ และการไหลทางการเงิน
แอปพลิเคชั่นระดับองค์กร ประกอบด้วยระบบงานหลักๆ อยู่ 4 ระบบด้วยกัน คือ
1. ระบบวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจแบบทั่วทั้งองค์กร(ERP)
2. ระบบจัดการโซ่อุปทาน(SCM)
3. ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์(CRM)
4. ระบบจัดการความรู้(KM)
ระบบ ERP เป็นการบูรณาการชุดซอฟต์แวร์ที่นำมาใช้เพื่อสนับสนุนงานพื้นฐานทางกระบวนการธุรกิจขององค์กร ด้วยกรรวมงานหลักต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานทางธุรกิจในส่วนขององค์กรเข้าด้วนกันเป็นหนึ่งเดียว เช่น ระบบการผลิต การขาย การขนส่ง การบัญชี การเงิน การตลาด ทรัพยากร มนุษย์ เป็นต้น ส่งผลให้ระบบงานต่างๆ เหล่านี้มีการเชื่อมโยงกันแบบทั่วทั้งองค์กร
การปรับรื้อระบบใหม่ หรือ การ Reengineering จะเกี่ยวข้องกับกระบวนกรพื้นฐานดั้งต่อไปนี้
1. การเพิ่มกระบวนการใหม่ๆ เข้าไป
2. การยกเลิกบางกระบวนการที่ไม่จำเป็นออกไป
3. การขยายกระบวนการ
4. การลดทอนกระบวนการ
5. การรวบกระบวนการเข้าด้วยกัน
6. การแตกกระบวนการ
การจัดการโซ่อุปทาน คือกระบวนการจัดการกิจกรรมในโซ่อุปทาน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเริ่มต้นจากการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการ จนกระทั่งสินค้าหรือบริการ นั้นถูกใช้โดยผู้บริโภค โดยกิจกรรมที่ต้องเข้าไปจัดการดูแลก็คือ การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดหาวัตถุดิบ การแปลงรูปวัตถุดิบมาเป็นสินค้าขั้นสุดท้าย การส่งของ และระบบขนส่งโลจิสติกส์
ภาคธุรกิจในยุคปัจจุบัน ต่างปรับตัวองค์กรเพื่อเข้าสู่การจัดการโซ่อุปทาน เนื่องจากจัดการ โซ่อุปทาน สามารถช่วยองค์กรในด้านต่างๆ ดังนี้
1. เพื่อยกระดับความสามารถในการบริหาร
2. ส่งเสริมให้ธุรกิจมีการเจริญเติบโต
3. ส่งเสริมความยั่งยืนทางธุรกิจ
โมเดลแบบผลัก หมายถึง สินค้าที่ผลิตออกมาจำนวนเท่าใด ก็ผลักไปยังลูกค้าจำนวนเท่านั้น หรือ เรียกวิธีนี้ในอีกซื้อหนึ่งว่า การผลิตเพื่อสต็อก
โมเดลแบบดึง หมายถึง ลูกค้าต้องการสินค้าเท่าใด ก็ผลิตตามตามจำนวนเท่านั้น หรือเรียกวิธีนี้ในอีกชื่อ หนึ่งว่า การผลิตตามคำสั่งซื้อ
ระบบ RFID สามารถนำมาใช้กับงานจัดการด้านโลจิสติดส์ในโว่อุปทานคือ
1. การจัดการทรัพย์สินค้าในคลังสินค้า
2. การติดตามการผลิต
3. การควบคุมสินค้าคงคลัง
4. การจัดส่งและการับสินค้า
5. การส่งสินค้ากลับคืนและการเรียกคืนสินค้า
6. การจัดการและควบคุมการขนส่ง
7. การตรวจสอบย้อนกลับ
ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ หรือระบบ CRM เป็นระบบที่องค์กรสามรถนำมาใช้เพื่อช่วยจัดการด้านความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ โดยระบบ CRM ที่สมบูรณ์ จะจัดเตรียมสารสนเทศที่มีการประสานงานทางกระบวนการธุรกิจทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อติดต่อกับลูกค้าทั้งในเรื่องของการขาย การตลาด และการบริการ
ระบบจัดการความรู้ หรือระบบ KM ส่งเสริมให้องค์กรสามารถนำสู่กระบวนการจัดการที่ดีได้ และ ทำให้สิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนั้น ดำเนินการไปได้ด้วยดี เนื่องจากได้มีการนำความรู้ความเชี่ยวชาญการไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยระบบรวบรวมความรู้ในประเด็นต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กันทั้งหมด รวมเข้ากับ ประสบการณ์ในองค์กร เพื่อนำมาปรับทั้งหมด รวมเข้ากับประสบการณ์ในองค์กร เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจและการตัดสินใจให้ที่ยิ่งขึ้น
แอปพลิเคชั่นระดับองค์กรในยุคหน้า จะถูกพัฒนาให้ตัวซอฟต์แวร์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึง การนำไปใช้บนเว็บ และความสามารถในการบูรณาการเข้ากับระบบอื่นๆ โดยจะใช้ชื่อว่า ชุดระบบงานธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Business Suits)
กรณีศึกษา : บริษัท ChevronTexaco กับไอทีเพื่อจัดการโซ่อุปทาน
บริษัท ChevronTexaco เป็นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีธุรกิจหลักๆ คือ การขุดเจาะ การกลั่น การขนส่ง และการขายน้ำมัน จากสภาพการแข่งขันในธุรกิจนี้ การประหยัดต้นทุนน้ำมันในทุกๆ 25 เปอร์เซ็นต์ของเงินเพนนีต่อหนึ่งแกลอน เมื่อคิดโดยรวมแล้วจะช่วยประหยัดได้กว่าล้านเหรียญเลยทีเดียว
ปัญหาหลักๆ ที่ค้นพบในอุตสาหกรรมมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1. สถานีบริการหรือปั๊มน้ำมันไม่มีน้ำมันจำหน่าย เนื่องจากน้ำมันหมด (Run-outs)
2. การส่งมอบน้ำมันไปยังปั๊มน้ำมันถูกยกเลิก เนื่องจากแท็งค์กักเก็บน้ำมันของทางปั๊มยังคงมีน้ำมันสำรองเต็มอยู่ (Retain)
ทั้ง Run-outs และ Retain เป็นปัญหาที่อุตสาหกรรมน้ำมันรู้จักกันดีในนามของ ปัญหาคู่แฝดหรือ Twin Evils นั่นเอง ซึ่งในระยะหลายปีที่ผ่านมา ต่างก็มีเป้าหมายในการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ประสบผลสำเร็จได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาทั้งสองได้นำไปสู่กระบวนการแก้ไขโดยโซ่อุปทาน ซึ่งกระบวนการไหลในโซ่อุปทาน เริ่มต้นจากการค้นหาแหล่น้ำมัน การขุดเจาะ การกลั่นโดยภายหลังจากน้ำมันได้ถูกดูดขึ้นมาจากได้พื้นดิน ก็จะถูกส่งมอบไปยังกระบวนการกลั่นน้ำมัน และถูกนำไปจัดเก็บ และสุดท้ายก็จะถูกส่งเพื่อขายไปยังปั๊มน้ำมันตามแต่ละสถานี จนกระทั่งขายปลีกให้แก่ลูกค้าในที่สุด ซึ่งกรอบเวลาสำหรับการดำเนินงานในโซ่อุปทานให้ทั่วถึงกันนั้น อาจจำเป็นต้องใช้เวลาหลายเดือนจนถึงเป็นปี ขึ้นอยู่กับแหล่งที่ตั้ง ซึงหมายถึงการขนส่ง และในด้านอื่นๆ จากเหตุผลข้างต้น จึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับการนำส่วนประกอบทั้ง 3 ของโซ่อุปทาน อันได้แก่ การค้นหาแหล่งน้ำมัน (Upsteam), กระบวนการดำเนินการ (Internal) และกระจายน้ำมันไปยังสถานีบริการ (Downsteam) ให้มีความเข้ากัได้อย่างเหมาะสม
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทาง ChevronTexaco มุ่งเน้นการผลิตแบบจำนวนมาก และพยายามขายออกไปให้มากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์แบบ Supply-Driven หรือตามโมเดลแบบ Push นั่นเอง และปัญหาที่เกิดจากการนำกลยุทธ์นี้มาใช้ก็คือ ในบางครั้ง มีการผลิตน้ำมันมากจนเกินไป ส่งผลต่อต้นทุนที่สูงขึ้นในด้านการจัดหาแหล่งคลังน้ำมันเพื่อกักเก็บตุนเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน หากผลิตน้อยจนเกินไป ก็ทำให้สูญเสียโอกาสในการขาย
ต่อมาทางบริษัทได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจจาก Supply-Driven มาเป็น Demand-Driven กล่าวคือ จากเดิมที่เคยผลิตน้ำมันในปริมาณมากๆ และผลักไปยังลูกค้า มาเป็นโมเดลแบบ Pull โดยพิจารณาถึงความต้องการที่แท้จริงเป็นหลัก นั่นก็คือ ผลิตน้ำมันตามปริมาณที่ลูกค้าต้องการ โดยทางบริษัทได้ริเริ่มคิดเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ลูกค้าต้องการ และจะจัดการกับมันอย่างไร ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานในครั้งนี้ จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุน
เมื่อตัดสินใจนำระบบไอทีมาใช้ในครั้งนี้ ทางบริษัทจึงได้ทำการติดตั้งระบบตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์ในแท็งก์น้ำมันแต่ละแท็งก์ ตามสถานีบริการต่างๆ โดยเครื่องมือตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะส่งผ่านสารสนเทศแบบเรียลไทม์ผ่านสายเคเบิล เพื่อรายงานระดับน้ำมันคงเหลือในแท็งก์น้ำมันมายังระบบสารสนเทศของสถานีบิการแห่งนั้นๆ จากนั้นระบบดังกล่าวก็จะส่งข้อมูลผ่านการสื่อสารแบบดาวเทียม เพื่อส่งไปยังระบบงานคงคลังหลักที่ตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่ ข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาจะถูกประมวลผลในระบบวางแผนเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ เพื่อช่วยในการตัดสินใจในด้านการกลั่นน้ำมัน การตลาด และโลจิสติกส์โดยระบบ DSS ดังกล่าว ยังมีการรวบรวมสารสนเทศจากบริษัทขนส่งและสายการบิน ซึ่งถือเป็นลูกค้าหลักของบริษัท และจากการใช้ระบบ ERP และระบบวางแผนธุรกิจ ช่วยให้ทางบริษัท ChevronTexaco สามารถพิจารณาถึงความต้องการน้ำมันในปริมาณที่แท้จริง เพื่อเตรียมไปสู่กรับวนการกลั่นน้ำมัน รวมถึงความจำเป็นต้องซื้อน้ำมันเพิ่มจาก Spot Markets จำนวนเท่าไหร่ และจะต้องส่งน้ำมันไปยังแต่ละสถานีในปริมาณเท่าใดจึงเพียงพอต่อความต้องการ
ซอฟต์แวร์ระบบ ERP มีประโยชน์ต่อการจัดการข้อมูลแบบทั่วถึงกันทั้งองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับโซ่อุปทาน(เช่น โรงกลั่นน้ำมัน การจัดเทอร์มินัล การจัดสถานี การขนส่ง และการผลิต) ที่มีการแบ่งปันข้อมูลให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั่วถึงกันแบบทั้งองค์กร สิ่งเหล่านี้ ได้ช่วยปรับปรุงการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในทุกๆจุด ทั้งในด้านของลูกค้าและการประมวลผลในส่วนต่างๆ ของโซ่อุปทาน ส่งผลให้ทางบริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในปีแรก และมีกำไรเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 ล้านเหรียญในปีต่อมา
คำถามจากกรณีศึกษา
1. ปัญหาเดิมๆ ของอุตสาหกรรมน้ำมัน ประกอบด้วยอะไรบ้าง
2. รูปแบบธุรกิจของบริษัท ChevronTexaco แต่เดิมนั้น มุ่งผลิตน้ำมันเพื่อป้อนตลาดในลักษณะใด
3. จากข้อที่ 2 ปัญหาที่เกิดขึ้นจากรูปแบบธุรกิจดังกล่าว มีอะไรบ้าง
4. การที่บริษัท ChevronTexaco มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจมาใช้โมเดลแบบ Pull หรือ Demand-Driven มีผลดีอย่างไร แล้วทำไมการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ จึงต้องนำระบบไอทีเข้ามาสนับสนุนด้วย
5. จากกรณีศึกษาของบริษัท ChevronTexaco จะพบว่า ทางบริษัทได้นำระบบจัดการโซ่อุปทานมาใช้เพื่อส่งมอบคุณค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องในโซ่อุปทาน ดังนั้นจกออกแบบโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยให้ระบุระบบสารสนเทศที่นำมาใช้งานตามจุดต่างๆ พร้อมคำอธิบาย


บทที่ 7

สรุปท้ายบทที่ 7
ประสิทธิผล เป็นคำที่ใช้สำหรับวัดระดับความสำเร็จของงานกล่าวคือ งานที่สามารถทำแล้วบรรลุได้ตามที่มุ่งหวังไว้ในวัตถุประสงค์นั่นเอง
ๆ จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าระบบอื่นๆได้เมื่อมีการใช้ต้นทุนการดำเนินงานน้อยกว่า แต่ผลที่ได้เที
ระบบที่มีประสิทธิผลสูงหรือต่ำ จะขึ้นอยู่กับ
1. จำนวนรายการที่บรรลุตามที่กำหนดไว้ในเป้าหมาย
2. ระดับของประโยชน์ที่เกิดจากผลผลิตที่ได้ สามารถทำได้เหนือกว่าระบบอื่นๆ
ประสิทธิภาพ เป็นการวัดสิ่งที่ผลผลิตออกมา แล้วนำมาหารด้วยรายจ่ายหรือต้นทุที่ใช้ไป หากผลที่ได้มีค่า นั้นหมายถึงมีประสิทธิภาพดี ดังนั้นระบบหนึ่งยบเท่ากันหรือดีกว่า
รายงานทางการจัดการ ประกอบด้วยรายงานประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. รายงานตามกำหนดเวลา
2. รายงานเพื่อการชี้วัด
3. รายงานตามคำขอ
4. รายงานข้อยกเว้น
5. รายงานแบบเจาะลึกรายละเอียด
คุณลักษณะของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
1. การจัดพิมพ์รายงานตามรูปแบบที่กำหนดไว้ และมีมาตรฐาน
2. สามารถสั่งพิมพ์รายงานให้แสดงผลทางจอภาพ หรือเครื่องพิมพ์ก็ได้
3. ใช้ข้อมูลภายในที่ถูกจัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
4. อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายงานเฉพาะกิจตามที่ต้องการได้ด้วยตนเอง
5. ผู้ใช้สามารถร้องขอฝ่ายพัฒนาระบบหรือโปรแกรมเมอร์ ในการพัฒนาโปรแกรมหรือสร้างรายงานเพิ่มเติมได้

ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ คือระบบสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามหน้าที่ทางธุรกิจหรือตามแผนกงานต่างๆ เช่น ระบบสาราสนเทศทางบัญชี การเงิน การผลิต การตลาด และทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
ระบบสารสนเทศทางการบัญชี มีจดประสงค์เพื่อการตรวจสอบธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงินของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรายจ่ายทั่วไป เงินเดือนพนักงาน และผลกำไรที่ได้จากการขายสินค้า เป็นต้น ส่วนบัญชีต้นทุน ก็ควรตรวจสอบต้นทุนแรงงาน วัตถุดิบ และการซื้อบริการต่างๆ เพื่อนำไปสู่การจัดงบประมาณรายได้และควบคุมค่าใช้จ่าย
ระบบสาราสนเทศทางการเงิน มีความสำคัญต่อการนำมาใช้เพื่อปรับปรุงด้านการเงินให้ดียิ่งขึ้นสำหรับเป้าหมายของผู้จัดการแผนการเงินก็คือ จะต้องมีการจัดทางการเงินขององค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมและการจัดการทรัพยากรขององค์กร โดยการบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องมีการบริหารเงินสดที่ดี และวิเคราะห์ลงทุนอย่างระมัดระวัง
ระบบสารสนเทศด้านการผลิตและควบคุมสินค้าคงคลัง เป็นระบบที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น ระบบการผลิต ระบบคงคลัง การออกแบบผลิตภัณฑ์ การควบคุมและส่งมอบสินค้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปช่วยจัดการ เพื่อให้ระบบการจัดการด้านการผลิตและการดำเนินงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเป็นไปแบบอัตโนมัติ
ระบบสารสนเทศด้านวิศวกรรม เป็นระบบย่อยส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศเผื่อการผลิต ที่นำมาใช้เพื่อการออกแบบ และการระบุรายการวัสดุหรือวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิต เป็นต้น
การวางแผนความต้องการวัสดุ หรือระบบ MRP เป็นระบบที่นำมาใช้ด้านการบริหารการผลิตโดยเฉพาะธุรกิจในรูปแบบอุตสาหกรรมการผลิตหรือโรงงาน ที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบต่างๆจำนวนมากมายเพื่อนำมาใช้กับกระบวนการผลิต ระบบ MRP จะช่วยวางแผนความต้องการวัสดุว่า ถูกนำมาใช้งานในช่วงใดบ้าง นำมาใช้ปริมาณเท่าใด ด้วยเงื่อนไขการผลิตหรือเพื่อขาย โดยต้องการให้ปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ในระดับที่เหมาะสม
หน้าที่สำคัญของระบบ MRP อีกหน้าที่หนึ่งก็คือ ความสามารถในการสร้างใบรายการวัสดุ ด้วยการแสดงชิ้นส่วนของวัตถุดิบทั้งหมดที่มีอยู่หลากหลาย ที่ต้องนำไปใช้เพื่อประกอบผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยจะระบุปริมาณตามที่ต้องการ ผ่านเทคนิคการคำนวณในระบบที่เรียกว่า ปริมาณการสั่งซื้อแบบประหยัดที่สุด
การวางแผนทรัพยากรการผลิต หรือระบบ MRP II เป็นระบบที่ถูกวิวัฒนาการมาจากระบบ MRP มารวมเข้ากับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตในด้านอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การวางแผนกระบวนการผลิตไว้อย่างครบครัน ที่ไม่ใช้เพียงแค่การจัดการสินค้าคงคลังเท่านั้น แต่จะครอบคลุมถึงการวางแผนงบประมาณการจัดซื้อวัตถุดิบ การวางแผนต้นทุนระบบคงคลังการวางแผนเพื่อจัดกำลังคนให้สัมพันธ์กับการผลิต เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการวางแผนต้นทุนการผลิตทั้งสิ้น
ระบบ MRP II ยังสามารถช่วยปรับกำหนดการณ์เพื่อการจัดซื้อให้เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว การติดตามผลิตภัณฑ์ในลักษณะเรียลไทม์ และการปรับปรุงคุณภาพ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้อมูลที่นำเข้าระบบ MRP II ก็คือตารางผลิตหลัก ที่บ่งบอกถึงชนิด ขนาด และจำนวนวัตถุดิบที่ต้องนำมาประกอบเป็นผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด เพื่อนำมาใช้วางแผนในการกระจายงานการผลิตสินค้าทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ภายใต้กรอบของนโยบายที่ได้รับการวางแผนไว้เป็นอย่างดี
ระบบสารสนเทศการตลาด จะทางเกี่ยวกับการวางแผนการส่งเสริมการขาย และการขายสินค้าตามท้องตลาด นอกจากนี้ ยังต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หาแหล่งตลาดใหม่ๆ เพื่อบริการแก่ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่อย่างสม่ำเสมอ
การตลาดเป็นส่วนงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานทางธุรกิจขององค์กร โดยองค์กรสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยปฏิบัติหน้าที่ทางการตลาด เช่น การวิจัยตลาด การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย การบริการลูกค้า และระบบการขายอัตโนมัติ เพ่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วบนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของปัจจุบัน
ระบบสารสนเทศด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ได้มีบทบาทสำคัญต่อองค์กรยุคใหม่ที่เดียว โดยสามารถจัดแบ่งประเภทของงานจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ ตามกิจกรรมหลักๆ 5 ประการด้วยกันคือ
1. การจัดข้อมูลประวัติพนักงาน
2. การเลื่อนตำแหน่งและการสรรหาพนักงานใหม่
3. การฝึกอบรม
4. การประเมินผล
5. การจัดค่าตอบแทนและเงินช่วยเหลือ


บทที่ 6

สรุปท้ายบทที่ 6
อีคอมเมิร์ซ การดำเนินธุรกรรมทางการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนกรซื้อสินค้า ขายสินค้า จัดส่งสินค้า การแลกเปลี่ยนสินค้า/บริการ หรือสารสนเทศผ่านอินเทอร์เน็ต
อีบิสซิเนส เป็นการดำเนินธุรกรรมใดๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มิใช่แค่เพียงการซื้ขายสินค้าหรือบริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ได้ผนวกในด้านของดำเนินธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ไม่ว่าเป็นภายในองค์กรหรือระหว่างองค์กร การบริการลูกค้า การทำงานร่วมกันระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ ที่สามารถสื่อสารกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต
อีบิสซิเนสครอบคลุมขอบเขตที่กว้างกว่าอีคอมเมิร์ซ หรือกล่าว อีคอมเมิร์ซเป็นส่วนหนึ่งของอีบิสซิเนส
คุณสมบัติของเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย
1. การมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
2. ขอบเขตครอบคลุมทั่วโลก
3. มาตรฐานระดับสากล
4. ความสมบูรณ์ในข่าวสาร
5. การโต้ตอบระหว่างกัน
6. ความหนาแน่นของสารสนเทศ
7. ความเป็นเฉพาะตัวแลกและการปรับแต่งให้เหมาะสมกับบุคคล
8. เทคโนโลยีทางสังคม
มิติทั้งสามของอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และตัวแทนในการส่งมอบ
บริกแอนด์มอร์ตาร์ เป็นรูปแบบการดำเนินงานทางธุรกิจแบบดั้งเดิม ดังนั้นมิติสามไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และตัวแทนในการส่งมอบสินค้า ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกดำเนินการหรือพบปะกันจริงๆตามโครงสร้างเชิงกายภาพทั้งสิ้น
คลิกแอนด์มอร์ตาร์ เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบผสมผสาน กล่าวคือ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และตัวแทนส่งมอบ จะมีทั้งโครงสร้างเชิงกายภาพและดิจิตอลรวมเข้าด้วยกัน
คลิกแอนด์คลิก เป็นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิตอลหรือแบบออนไลน์ล้วน
ประเภทของอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย
1. ภาคธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C)
2. ภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (B2B)
3. ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C)
4. ภาคธุรกิจในเครือกับผู้บริโภค (B2B2C)
5. ผู้บริโภคกับภาคธุรกิจ (C2B)
6. ภาคธุรกิจกับพนักงาน (B2E)
7. รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government)
กลไกลหลักของอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย
1. ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace)
2. แคตาล็อกอิเล็กทรอนิกส์ (e-Catalogs)
3. การประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)
4. การแลกเปลี่ยนออนไลน์
อีคอมเมิร์ซในรูปแบบ B2C เปิดโอกาสให้ผู้ขายสินค้าหรือโรงงานผู้ผลิต สามารถขายสินค้าแก่ลูกค้า ได้โดยตรง ไม่ต้องส่งทอดผ่านพ่อค้าคนกลาง จึงทำให้ต้นทุนราคาสินค้ามีราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป
ในส่วนของกลไกการช็อปปิ้งออนไลน์ในรูปแบบ B2C หรือ e-Tailing ที่ได้รับความนิยมสูง จะมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ หน้าร้านอิเล็กทรอนิกส์ และห้างสรรพสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
อุตสาหกรรมการบริการออนไลน์ เกี่ยวข้องกับงานบริการออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
1. ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Banking)
2. การค้าออนไลน์ (e-Tailing)
3. ตลาดแรงงานออนไลน์ (e-Job)
4. การท่องเที่ยวออนไลน์
5. ธุรกิจสังหาริมทรัพย์

วงจรบริการลูกค้า ประกอบด้วย 4 ระยะด้วยกัน คือ
ระยะที่ 1 การกำหนดความต้องการ
ระยะที่ 2 การจัดหา
ระยะที่ 3 ความเป็นกรรมสิทธิ์
ระยะที่ 4 การปลดระวาง
ปัญหาการค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย
1. ความขัดแย้งเรื่องช่องทางจำหน่าย
2. ความขัดแย้งสำหรับองค์ที่นำ Click-and-Mortar มาใช้ร่วมกับการค้าแบบเดิม
3. การจัดการด้านการส่งมอบสินค้าและโลจิสติกส์
4. ค้นหาแนวทางเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปให้ได้ และความเสี่ยงจากการค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์
5. การกำหนดวิธีแสวงหารายได้
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) เป็นระบบที่อนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบบฟอร์มมาตรฐานผ่านทางคอมพิวเตอร์ระหว่าง 2 องค์กร ซึ่งประกอบด้วยเอกสารสำคัญอย่างใบกำกับสินค้า ใบเสร็จรับเงิน ตารางการจัดส่งสินค้า หรือใบสั่งซื้อ ทั้งนี้รายการธุรกรรมดังกล่าวจะถูกส่งโดยอัตโนมัติจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งผ่านระบบเครือข่ายซึ่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะต้องมีคุณสมบัติตามรูปแบบมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ
อีคอมเมิร์ซในรูปแบบ B2B จะใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบ EDI
ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจในรูปแบบ B2B อยู่ 3 ประการด้วยกันคือ
1. เป็นแหล่งที่พบปะกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
2. เป็นตัวกลางในการอำนวยความสะดวกด้านการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ สินค้า บริการ และการชำระเงินตามธุรกรรมทีเกิดขึ้นจากการซื้อขาย
3. เป็นผู้กำหนดโครงสร้างกฎระเบียบและข้อบังคับทางกฎหมาย เพื่อใช้กับการดำเนินธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายภายในตลาดกลาง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ที่เข้ามาใช้บริการ
การประยุกต์ใช้ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ มีอยู่ 2 รูปแบบ
1. ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแต่ผู้ขาย
2. ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแต่ผู้ซื้อ
การจัดซื้อจัดหาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Procurement) มิใช่แค่เพียงการซื้อสินค้าและวัตถุดิบเท่านั้นแต่เกี่ยวข้องกับแหล่งผลิต การเจรจาต่อรองกับผู้ขายปัจจัยการผลิต การชำระเงินค่าสินค้า และการจัดการส่งมอบสินค้า ทั้งนี้ธุรกิจสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาราคาวัตถุดิบที่ต้องการมนราคาต่ำที่สุดจากผู้ขายรายต่างๆได้โดยไม่ยาก ด้วยการค้นหาผ่านแคตาล็อกออนไลน์จากเว็บของผู้ขายสินค้า การต่อรองกับผู้ขาย การสั่งซื้อ การชำระเงิน และการขนส่ง ซึ่งสามารถดำเนินการได้โยเบ็ดเสร็จบนโต๊ะทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ที่ลิงค์เชื่อมโยงเครือข่ายระบบ EDI
อีคอมเมิร์ซแบบ C2C ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็เป็นบุคคล มิใช่เป็นภาคธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกรรมต่างๆดังนี้
1. การประมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบ C2C
2. การประกาศโฆษณา
3. การบริการส่วนบุคคล
4. การสนับสนุนด้านการบริการ C2C
อีคอมเมิร์ซในรูปแบบ B2E ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานกับองค์กร เพื่อดำเนินงานทางธุรกิจร่วมกันระหว่างพนักงานในองค์กรและรวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กร ซึ่งประกอบด้วย
1. อีคอมเมิร์ซระหว่างพนักงานภายในองค์กร
2. อีคอมเมิร์ซระหว่างหน่วยธุรกิจด้วยกัน
เว็บพอร์ทัล เป็นกลุ่มของลิงก์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจต่างๆ รวมถึงเนื้อหา เรื่องราวที่เป็นสาระสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว หรือไฮเปอร์ลิงก์ ที่นำเสนอการบริการบนเว็บเพจ โดยออกแบบมาเพื่อนำทางให้แก่ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ดังนั้นข่าวสารที่นำเสนอบนเว็บพอร์ทัลจึงมักเป็นข่าวสารที่ผู้ใช้สนใจ หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้
รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการนำเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซมาใช้เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านการบริการแก่ประชาชน ซึ่งประกอบด้วย
1. ภาครัฐกับผู้บริโภค (G2C)
2. ภาครัฐกับภาคธุรกิจ (G2B)
3. ภาครัฐกับภาครัฐ (G2G)
เอ็มคอมเมิร์ซ คืออีคอมเมิร์ซในอีกรูปแบบหนึ่ง จะแตกต่างกันเพียงแค่รูปแบบการเชื่อต่อใช้งานที่เป็นแบบไร้สายผ่านระบบเซลโฟลหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงเครื่องพีดีเอ
ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น
1. เช็คอิเล็กทรอนิกส์
2. บัตรเครดิตอิเล็กทรอนิกส์
3. เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วย บัตรชำระเงินล่วงหน้า บัตรชำระเงินระหว่างบุคคล และกระเป๋าเงินดิจิตอล
ความต้องการด้านความปลอดภัยในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย
1. การพิสูจน์ตัวตน
2. ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
3. การห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ
4. สิทธิส่วนบุคคล
5. ความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะเกี่ยวข้องกับกลไกการเข้ารหัสข้อมูล เช่น SSl ทำให้การสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์มีการเข้ารหัสไว้ ส่งผลต่อความปลอดภัยในข้อมูลที่จะสื่อสารกัน โดยมีวิธีสังเกตง่ายๆจาก URL ที่ใช้โปรโตคอล https:// แทนที่จะเป็น http:// แบบปกติ